ASIA AFRICA THAILAND ENGLAND BEACH PATTAYA JAPAN CHINA INDONESIA FRANCE TOKYO PARIS BANGKOK SINGAPORE INDIA UNITED STATES OF AMERICA CANADA LONDON MEXICO HAWAII LOS ANGELES PHILIPPINES AUSTRIA MANILA HANOI TAIWAN HONG KONG NEW ZEALAND AUSTRALIA SRI LANKA PHUKET WAT PRAKAEW EGYPT SAUDI ARABIA CAMBODIA BELGIUM BEIJING SYDNEY
Sunday, October 26, 2008
เที่ยวเมืองปายแวะสักการะพระพุทธรูปเก่าแก่ที่วัดน้ำฮู-แม่ฮ่องสอน
"วัดน้ำฮู" อันเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ มานมัสการและสงสัยว่าข้างในพระจะมีน้ำ จึงเปิดดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลังไหลมาขอน้ำไปสักการะ พอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีกในลักษณะซึมออกมาตลอดเวลา จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำมนต์ไปสักการะอยู่เนืองๆ
Thursday, October 23, 2008
เที่ยวไปกินไปแบบสบายที่ตลาดบางน้ำผึ้ง-สมุทรปราการ
เที่ยวแบบไทย ๆ เที่ยวไป กินไป ที่ไหนมีของอร่อย จะมีคนตามไปกินเสมอ เช่นเดียว กับที่นี่ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำแห่งใหม่ใกล้กรุง ที่อำเภอ พระประแดง สมุทรปราการ มีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เริ่มเวลา 7 โมงเช้า เป็นต้นไปจนถึงเย็น แม้เพิ่ง เปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่มีคนมาเที่ยวกัน มากโดยเฉพาะวันอาทิตย์จะมีคนมาเที่ยวประมาณ 4,000 คน มีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาเที่ยวด้วย
เสน่ห์ตลาดน้ำที่นี่ คือวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย เชื้อสายมอญ น้ำในคลองยังสะอาด มีของพื้นบ้านอร่อย ๆ ที่ชาวบ้านทำมาขายเอง มีเรือพายขาย ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ขนมจีนน้ำยา หอยทอดในถาดขนมครก ขนมใส่ไส้ มีกลุ่มแม่บ้าน สตรีทำขนมทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง การทำกาละแมกวนมาขาย แต่สุดยอดของ อร่อยที่นี่ คือ ห่อหมกหมู ที่ต้องมาแต่เช้าจึงจะได้ทาน เพราะมาบ่ายจะขายหมด นอกจากนี้ก็มีผลไม้จากสวนที่มีอยู่ทั่วไปสองฝั่งคลอง ผลไม้ขึ้นชื่อที่สุดของบางน้ำผึ้ง คือมะม่วงน้ำดอกไม้ และยังมีไม้ดอกไม้ประดับ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ ไข่เค็มดินสอพอง บริเวณตลาดน้ำมีเรือพายให้บริการ ถ้าพายเป็นจะพายเองก็ได้ ค่าเช่าชั่วโมงละ 20 บาท หากต้องการคนพายให้ เพิ่มอีก 20 บาท นั่งเรือลัดเลาะชมพื้นที่สีเขียว 2 ฝั่งคลอง มีทั้งป่าจาก สวนมะม่วง และมะพร้าว ในอนาคตจะมีบริการจักรยานให้เช่าด้วย
เที่ยวน้ำตกพลิ้วที่สวยงามที่สุดของจันทบุรี
น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด มากสามารถมองเห็นพื้นล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 เมตร ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลองมีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นที่ตื่นตาตรึงใจกับฝูงปลาแก่ผู้ที่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะปลาพลวงหินเหล่านี้
น้ำตกพลิ้วเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดอื่นๆ รู้จักกันดี และไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุด รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้หลายครั้งในระหว่างปี พ.ศ. 2417-2424 และทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุดในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยเสด็จประพาส อุทยานแห่งชาติได้จัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นอยู่ตรงข้ามที่ทำการอุทยานแห่งชาติ สิ้นสุดอยู่บริเวณด้านหน้าอลงกรณ์เจดีย์ ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง
ชมทางรถไฟสายมรณะบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว-กาญจนบุรี
สะพานข้ามแม่น้ำแควตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กิโลเมตร แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร มีป้ายเขียนบอกไว้ชัดเจน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแควแห่งนี้วันละเป็นจำนวนมากๆ ทำให้ร้านขายของที่ระลึกก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ผู้เขียนมีโอกาสไปเดินหลายต่อหลายครั้ง จำได้ว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแวะซื้อเพชรพลอยที่นี่ คนขายจะเป็นคนไทย แต่ปัจจุบันเจ้าของร้านส่วนมากจะเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ข้ามมาจากทางฝั่งพม่ามาจับจองพื้นที่ขายเสียเอง
Wednesday, October 22, 2008
ชมความงามของพระรามราชนิเวศน์-เพชรบุรี
พระรามราชนิเวศน์ ชาวบ้านเรียก "พระราชวังบ้านปืน" ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอเมือง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรง โปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร ออกแบบโดย มิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน และให้จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรม พระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการ ก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรง เปลี่ยนเป็นพระรามราชนิเวศน์ ในปี พ.ศ. 2461 เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับ ลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำ ตำบล ฯลฯ การเข้าชม ต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหาร ราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรือ อาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตร เพื่อขอเข้าชมอย่าง ไม่เป็นทางการ
หลบร้อนไปเล่นน้ำทะเลที่หาดชะอำ-เพชรบุรี
ชายหาดชะอำ ดินแดนแห่งหาดทราย สายลม เกลียวคลื่น และแสงแดดที่ทอดยาวกว่า 24 กิโลเมตร มีถนนเลียบชายหาดที่ยาวกว่า 4 ก.ม. จึงเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำ กิจกรรมกลางแจ้งในวันพักผ่อนแบบสบาย ๆ ของครอบครัวและผองเพื่อน
การเดินทาง : จากสี่แยกไฟแดงชะอำ เลียบไปตามถนนนราธิป โดยมุ่งสู่ทิศตะวันออกไปประมาณ 1 กม.
หนีร้อนไปสักการะพระพุทธรูปเก่าแก่ในถ้ำเขาย้อย-เพชรบุรี
ถ้ำเขาย้อย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาย้อย ใกล้ที่ว่าการอำเภอเขาย้อย เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 4 อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 22 กิโลเมตร ในถ้ำนี้มีพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายปางประดิษฐานอยู่ คล้ายกับถ้ำเขาหลวงและวัดถ้ำเขาบันไดอิฐที่อยู่ในเขตอำเภอเมืองเพชรบุรี ตามประวัติเล่าว่าพระพุทธรูปเหล่านี้มีมานานแล้ว และต่อมาพระครูอ่อนวัดท้ายตลาดมาบูรณะใหม่ และมีเกร็ดประวัติศาสตร์เล่ากันว่าสมัยเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงผนวชอยู่นั้น พระองค์ได้เสด็จธุดงค์มาปักกลดวิปัสสนาที่หน้าเขาย้อย แล้วทรงย้ายขึ้นมาประทับนั่งกรรมฐานอยู่ในถ้ำเขาย้อยหลายคืน
เที่ยวทะเลหน้าฝนที่หาดปึกเตียน-เพชรบุรี
สายลมแสงแดดกับท้องทะเลที่เกาะลอยศรีราชา-ชลบุรี
เยือนความงดงามวิจิตรตระการตากับปราสาทสัจธรรม-ชลบุรี
ปราสาทสัจธรรม ณ บริเวณแหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีในเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ เป็นที่ตั้งของ
สถาปัตยกรรมไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสยามประเทศสถาปัตยกรรมไม้แห่งนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า " วังโบราณ " บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารที่สร้างด้วยไม้ว่า " ปราสาทไม้ " แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้างคือ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เรียกอาคารแห่งนี้ว่า"ปราสาทสัจธรรม "
ปราสาทสัจธรรม คือ ศิลปสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่สัมผัสได้ และความหมายในด้าน
นามธรรม ได้สะท้อนและสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาซึ่งเป็นสิ่งค้ำจุนโลก และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ปรัญชาในการมุ่งสู่ความหลุดพ้นสู่โลกหน้าในอุดมคติ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของมนุษย์ทุกรูปทุกนาม ปราสาทสัจธรรมแห่งนี้อุบัติขึ้นจากความสำนึกของคนตะวันออก ที่ว่าความเป็นมนุษย์ที่ผ่านมานับพันปีเป็นสิ่งที่จรรโลงโลกมาได้ด้วยสัจธรรมทางศาสนา และปรัชญาโดยมีศิลปะเป็นสื่อเนื้อหา และความหมายไม่ใช่เป็นสิ่งที่คิดขึ้นใหม่ด้วยความอหังการ์หากได้นำเอาสิ่งที่ดีงามที่มีอยู่ในศาสนา และปรัชญา และศิลปกรรมมาปรุงแต่งให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
ปราสาทสัจธรรม มีที่ตั้งอยู่ที่พัทยา บริเวณแหลมราชเวท ตำบลนาเกลือ เมืองพัทยา ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแห่งศตวรรษ ต้องถือเป็นงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ และการก่อสร้างคงจะไม่มีวันสิ้นสุด เพราะการก่อสร้างที่ทำมากว่า ๒๐ ปี ยังไม่มีท่าทีว่าจะแล้วเสร็จ เช่นเดียวกับเมืองโบราณที่สมุทรปราการ (เจ้าของเดียวกัน รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ ด้วย) ก่อนที่จะเล่าถึงความเป็นมาเท่าที่ทราบ เล่าถึงความงดงาม และความมหัศจรรย์ของปราสาทแห่งนี้ ขอทบทวนเส้นทางไปพัทยาไว้อีกที และทบทวนฉบับย่อของแหล่งท่องเที่ยวในพัทยา ซึ่งไปคราวนี้ไม่มีโอกาสสำรวจเพิ่มเติม ตั้งใจที่จะไปปราสาทสัจธรรม ไปดูกันให้เต็มอิ่ม และเลยไปสำรวจร้านอาหารอร่อย ที่เคยชิมไว้เพื่อให้คณะแข่งขัน "แรลลี่" ของสมาคมภัตตาคารไทย เขามากินอาหารกลางวันกันในวันแข่งขัน ซึ่งผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาด้วย ก็ตอนที่เขาแต่งตั้ง ยกย่องให้เป็นยอดนักชิม และทูตสร้างสรรค์อาหารปลอดภัยปี ๒๕๔๘ เขาเลยให้นักแข่งแรลลี่กลุ่ม ๑ ไปชิมอาหารกับยอดนักชิม (เขาออกโบว์ชัวร์อย่างนี้) และผมต้องส่งทีมเข้าแข่งขันกับเขาด้วยหนึ่งทีม ซึ่งผมทำหน้าที่นำร่องและให้ลูกชายขับแทน ไม่หวังแพ้ ชนะอะไรกับเขา เขาให้ส่งก็ส่ง หน้าที่คือ หาร้านอาหารให้เขาให้ได้หนึ่งร้านก็แล้วกัน การไปพัทยาวันนี้จึงไปหาร้านอาหารอร่อย ซึ่งก็หาได้ถูกใจ เพราะเคยชิมร้านดั้งเดิมของเขามาก่อนแล้ว เมื่อได้ร้านอาหารให้เขาแล้ว ก็ไปชมปราสาทสัจธรรม ชมกันเต็มอิ่มไปเลย ชมแล้วก็อยากไปอีก
ล่องเรือชมทะเลสีครามเที่ยวเกาะไผ่-ชลบุรี
เกาะไผ่ (สัตหีบ)
ตั้งอยู่เขตพื้นที่อ่าวพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นราชพัสดุ กระทรวงการคลัง ได้อนุญาตให้กองทัพเรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกาะทั้งหมด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเป็นหน่วยปกครองดูแลและใช้ประโยชน์ที่ดินเกาะไผ่ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2512 กองทัพเรือได้อนุมัติให้จัดกำลังพล จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งไปปฏิบัติราชการบนพื้นที่เกาะไผ่
ต่อมาสภากลาโหม มีมติเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในหน่วยทหารโดยให้พิจารณาเปิดแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ทหารเพิ่มขึ้นประกอบกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป กองทัพเรือจึงได้ผ่อนปรนให้ใช้พื้นที่ของทหารบางส่วนเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งจากการที่เกาะไผ่เป็นสถานที่ที่มีความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ และเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวกองทัพเรือจึงได้พิจารณากำหนดให้เกาะไผ่เป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตั้งแต่ เม.ย. 2545 เป็นต้นมา
เกาะไผ่ มีหาดทรายที่สวยงามเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์เหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนมีหาดจำนวน 6 หาด อยู่บริเวณรอบเกาะมีสำนักงานท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือคอยต้อนรับและให้ข้อมูลในการเยี่ยมชม บริเวณหาดหน้าบ้านโดยมีข้อปฏิบัติ และข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวและชมทิวทัศน์บนเกาะ ดังนี้
- ต้องได้รับอนุญาตจากกองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเป็น ผู้อนุญาตโดยทำสัญญาเข้าเยี่ยมชมตามแบบฟอร์มที่กองทัพเรือกำหนด และจะไม่ใช้สิทธิการเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากกองทัพเรือไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
- บริษัทที่นำนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมจะต้องได้รับอนุญาตให้ดำเนินการท่องเที่ยวอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายสำหรับเรือที่นำนักท่องเที่ยวเดินทางไปเกาะไผ่จะต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกำหนดของกรมเจ้าท่า
- การขออนุญาตเข้าเยี่ยมชมให้ทำสัญญาฯ ทุกครั้งที่มีความประสงค์ขึ้นบนพื้นที่เกาะ เพื่อการตรวจสอบสถิติและการดูแลในด้านต่าง ๆ
- บริษัททัวร์เป็นผู้รับผิดชอบนำขยะและสิ่งปฏิกูลออกนอกพื้นที่เกาะ ห้ามทิ้งขยะมูลฝอยบนพื้นที่เกาะโดยเด็ดขาด
- นักท่องเที่ยวจะต้องไม่ทำลายพืชและทำลายสัตว์ทุกชนิดในบริเวณพื้นที่เกาะ
- ห้ามหัก เด็ด ทำลาย หรือ เปลี่ยนแปลงธรรมชาติใด ๆ
- ห้าพกพาอาวุธเข้าบริเวณพื้นที่เกาะ
- ห้ามนำสุราและเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดติดตัวไปดื่มกินบนเกาะ
- การท่องเที่ยวต้องอยู่ในความควบคุมของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเพื่อความปลอดภัย ป้องกันอันตรายต่อชีวิตทรัพย์สิน และการอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
- การดำเนินการเกี่ยวกับการนำอาหารและเครื่องมือประกอบอาหารทุกชนิดขึ้นไปประกอบอาหารบนเกาะไผ่ต้องเสนอขออนุญาตทุกครั้ง และต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งอย่างเป็นรายลักษณ์อักษรก่อน
- หากหน่วยมีความจำเป็นทางด้านยุทธการ กองทัพเรืออาจจะมีการงดให้ใช้พื้นที่โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
การเดินทาง
ระยะทางจากท่าเรือพัทยาถึงเกาะไผ่ประมาณ 11 ไมล์ทะเล ใช้ระยะเวลาในการเดินทางโดยเรือนำเที่ยว 30 นาที โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวขึ้นเกาะบริเวณหาดหน้าบ้านของเกาะไผ่
ผู้ที่ประสงค์เข้าเยี่ยมชมสามารถติดต่อได้ที่
ฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โทร 038-431-477 หรือ สำนักงานการทอ่งเที่ยวเกาะไผ่ 038-431-477
เที่ยวเมืองเก่าในอดีตแวะชมโบราณสถานที่วัดใหญ่ชัยมงคล-อยุธยา
วัดใหญ่ชัยมงคล (วัดเจ้าพระยาไท หรือวัดป่าแก้ว) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสักถ้ามาจากตัวเมืองข้ามสะพาน สมเด็จพระนเรศวร-มหาราช แล้วจะเห็นพระเจดีย์วัดสามปลื้มอยู่กลางสี่แยก เลี้ยวขวาไปไม่ไกลก็จะเห็น ป้าย มีทางแยกซ้ายมือหรือหากมาทางถนนสายเอเซียเลี้ยวเข้าแยกอยุธยา แล้วพบพระเจดีย์ใหญ่กลาง ถนนก็เลี้ยวซ้ายวัดนี้ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเมื่อพ.ศ. 1900 พระเจ้าอู่ทองทรงสร้าง "วัดป่าแก้ว" ขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงพระศพ "เจ้าแก้วเจ้าไท"ในการสร้างวัดป่าแก้วครั้งนี้ ได้ทรง สร้างพระเจดีย์ขึ้นคู่กับ พระวิหารด้วย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสริม พระเจดีย์ให้ ใหญ่และสูงขึ้นพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัด สุพรรณบุรี เพื่อเฉลิมพระ เกียรติเมื่อคราวทรงชนะศึกยุทธหัตถี พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดชัยมงคล" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ ชัยมงคล วัดนี้ร้างไปเมื่อคราวเสียกรุงครั้งสุดท้ายแล้ว เพิ่งจะตั้งขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาเมื่อไม่นานมานี้เอง
ปะติมากรรมหินธรรมชาติอันงดงามบนภูผาเทิบ-มุกดาหาร
ภูผาเทิบ อยู่ในเขตตำบลนาสีนวนบริเวณที่ทำการอุทยาน ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร บนเส้นทางสายมุกดาหาร-ดอนตาล ระหว่างกิโลเมตรที่ 14-15 เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปเป็นกลุ่มหินรูปทรงหลายแบบวางซ้อนทับกันคล้ายกับ เพิงผาที่กันแดดกันลมได้ ซึ่งภาษาท้องถิ่นเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า "เทิบ" บางอันมีรูปร่างคล้ายร่ม เห็ดขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าบริเวณ กลุ่มหินนี้ แต่ก่อนคงปกคลุมด้วยดิน เป็ฯภูเขาดินต่อมาถูกฝน ลมกัดเซาะพังทลายลงเรื่อยจึงมองเห็นหินโผล่ข้นมาเป็นกลุ่มก้อน ในแต่ละฤดูจะมีดอกไม้ผลัดเปลี่ยนกันออกดอกตามฤดูกาล เพิ่มความงามให้กับภูผาเทิบอีกมาก ซึ่งมีทั้งดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามซอกหิน ผา เช่น เอนอ้า เทียนหิน หรือดุสิตา และดอกกล้วยไม้ประเภทช้างน้าว ตาลเหลือง เป็นต้น
นอนฟังเสียงธรรมชาติบรรยากาศสบายที่ปางอุ๋ง-แม่ฮ่องสอน
ปางอุ๋งหรือบ้านรวมไทย เป็นหมู่บ้านโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ในพระบรมราชินูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำมีแนวสนที่ปลูกเรียงรายอย่างกลมกลืนและสวยงามมากๆ "ปางอุ๋ง" อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จุดเด่นของที่นี่คือ... เวิ้งน้ำสายหมอกและใบสน... ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ส่องแสงสะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี ท่ามกลางบึงน้ำขนาดใหญ่และสายหมอก พร้อมอากาศที่หนาวเย็น (จับใจ) เรียกว่างดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทย แถมยังมีอากาศที่หนาวเย็น หลายคนบอกว่าที่นี่คือสวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย แต่บางคนบอกว่าที่นี่คือนิวซีแลนด์ (ว้าว...)
การเดินทางไปปางอุ๋ง
เดินทางออกจากเมืองแม่ฮ่องสอนไปตามเส้นทาง แม่ฮ่องสอน – ปางมะผ้า - ปาย ประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกว่าเลี้ยวซ้ายไป บ้านรวมไทย น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง ซึ่งอยู่บนส้นทางเดียวกัน จากนั้นเดินทางขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง ให้สังเกตุทางแยกซ้ายมือนิดนึงนะคะ เพราะจะมีป้ายเล็กๆ เขียนบอกว่าไป "บ้านรวมไทย" ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ จนถึงหมู่บ้านห้วยมะเขือส้ม ซึ่งจะมีทางแยกรูปตัว T เลี้ยวขวาตรงแยก ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึง "บ้านรวมไทย" หรือ "ปางอุ๋ง" นั่นเอง
Subscribe to:
Posts (Atom)